วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2556

กีฬา freerunning

 
 
FreeRunning : X-Sport ของคนวัยมันส์

  
"Parkour และ FreeRunning ก็เหมือนกีฬา Extreme อื่นๆ เหมือนกีฬาโดดร่ม ปีนเขา
สเก็ตบอร์ด" ธนะ บุญเหมาะ บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพะเยา ผู้มีงาน
อดิเรกสุดผาดโผนคือการเล่น FreeRunning หยุดสปริงข้อเท้าเพื่อมาตอบคำถามให้
คนหน้าใหม่อย่างเราฟัง

เมื่อเอ่ยถามถึงความแตกต่างของเจ้าสองสิ่งนี้ ธนะอธิบายว่า Parkour จะเน้น
การเคลื่อนย้ายร่างกายในสถานที่ที่ยากแก่การเคลื่อนที่ โดยเน้นทำด้วยความเร็ว
อย่างที่เราได้เห็นจากภาพยนตร์ที่มีฉากการไล่ล่า ฉากกระโดดข้ามตึก Parkour
มีต้นกำเนิด และเป็นที่นิยมในประเทศฝรั่งเศส โดยการปลุกกระแสของ David Balle
ดารานำแสดงภาพยนต์เรื่อง B13

ส่วน Free Running เป็นกีฬาที่มีพื้นฐานมาจาก Parkour นิยมเล่นกันในประเทศอังกฤษ
ซึ่งที่อังกฤษได้รับความนิยมมาก เพราะคลิปวิดีโอ Brothers Journey ของ 2 พี่น้อง
Chase and Cole Armitage จากทีม 3Run ซึ่งคลิปวิดีโอนี้โด่งดังไปทั่วโลก การเล่น
ของ FreeRunning จะไม่เน้นความเร็วของการเคลื่อนที่ไปยังจุดต่างๆ แต่จะเน้นที่
ความสวยงามของการกระโดดมากกว่า คล้ายกับการหยิบเอายิมนาสติกมาออกเล่น
นอกสถานที่ อาจมีความเสี่ยงบ้างแต่ก็มีประโยชน์มากในการสร้างสมาธิ ความกล้า
และความมั่นใจ ธนะอธิบายให้ฟัง

"Parkour จะเป็นการกระโดดไกลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง จุดสังเกตง่ายๆ ของ
Parkour คือจะไม่มีการตีลังกา มีแต่การปีนอย่างเดียว ส่วน FreeRunning จะมีท่า
ตีลังกาเพิ่มเข้ามา"

"ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพคือ ฉากที่จาพนมวิ่งหนี กระโดดหลบสิ่งกีดขวางต่างๆ
ในเรื่ององก์บาก และต้มยำกุ้ง เราจะได้เห็น FreeRunning ซึ่งเป็นการวิ่งหลบหลีก
สิ่งกีดขวางต่างๆ และจะเน้นท่าทางที่สวยงาม ส่วนเรื่อง B13 นั้นส่วนใหญ่เป็นฉาก
Parkour จะเน้นไปที่ความรวดเร็ว ไม่เน้นท่าสวยงามมากนัก"

ธนะช่วยยกตัวอย่างการเล่นของ Parkour เพิ่มเติมว่า มันเหมือนการเดินของแมวบน
ราวบันได การกระโดดลอดผ่านช่องเล็กๆ ด้วยความรวดเร็ว การกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง
ระยะไกลๆโดยการใช้มือค้ำการกระโดดข้ามตึก Parkour จะให้เรื่องพละกำลัง
และสุขภาพมากกว่า FreeRunning และบางครั้งยังนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
ได้มากกว่าด้วย
      
*ชุมชนรวมมนุษย์ผาดโผน : ThaiFreeRunning.com หรือ AmericanParkour.com
      
พูดถึงท่าเบสิกนี่ มีกี่ท่าครับ?
"ท่าบังคับของ FreeRunning จะมีการปีน การข้ามกำแพง มันเป็นลักษณะ
การประยุกต์ใช้ให้ดูสวย อย่างเช่น Wall Spin เป็นท่ากระโดดกับกำแพง Wall Flip
ท่าไต่กำแพงโดยใช้เท้าเหยียบกำแพงแล้วตีลังกาหลัง Palm Flip เป็นการเอามือ
สองข้างจับกำแพงแล้วตีลังกาหลัง และท่าอื่นๆ อีกเยอะแยะ"

"นอกจากนั้นก็มีท่า Cat leap คือท่าที่กระโดดไปเกาะกำแพงอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเป็นท่า
ที่ง่ายสุด ทำได้ทุกคนอยู่แล้ว ง่ายรองลงมา คือการม้วนหน้า มันสำคัญมากเวลา
ลงจากที่สูง เพราะจะช่วยผ่อนแรงกระแทกเวลาเราลงถึงพื้น" ธนะเสริม
พวกท่าพื้นฐานสำหรับคนเริ่มฝึกหัด อาจเริ่มต้นจากเว็บไซต์ ThaiFreeRunning.com
จากนั้นก็ไปหาศึกษาต่อเพิ่มเติมจากคลิปวิดีโอจาก Youtube.com ก็ได้
      
*สนุก แข็งแกร่ง แถมท้าทาย
      
*Parkour & FreeRunning ในต่างแดน
ธนะเล่าว่า ที่ประเทศอังกฤษ และรัสเซีย จะเล่นกันแรงมาก เล่นท่าเสี่ยงมาก
"ผมเคยเห็นวิดีโอคลิปที่กระโดดลังกาหลังลงมาจากตึก 4 ชั้น สูงมากๆ แต่เขาลุกขึ้น
มาเดินต่อได้เฉยเลย น่ากลัวเป็นผมคงไม่ไหว เพราะมันเสี่ยงเกินไป"

"แต่ชาวต่างชาติ เขาจะสนับสนุนกีฬาชนิดนี้มาก มีการจัดประกวดอยู่บ่อยครั้ง เช่นงาน
RedBull Art of Motion ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มีการเชิญคนดังๆ ในแวดวง
Parkour & FreeRunning จากอินเทอร์เน็ตมาประกวดแข่งขันกัน โดยให้ผู้ชมร่วมเป็น
กรรมการโหวตตัดสินหาผู้ชนะ"

"FreeRunning ในประเทศไทย ยังจัดอยู่ในช่วงกำลังพัฒนา ยิมนาสติกยังเป็นเรื่องแปลก
สำหรับบ้านเรา โรงยิมนาสติกก็ไม่ค่อยมีให้เห็น หากในบ้านเรามีผู้ใหญ่ใจดีสนับสนุนกีฬา
ยิมนาสติกอย่างจริงจัง ต่อไปเราคงได้เห็นวัยรุ่นกระโดดไปมาตามสถานที่ต่างๆ
ไม่แน่มันอาจกลายเป็นเทรนด์ใหม่แทนเด็กบีบอยที่เต้นตามห้างก็ได้"
ธนะเล่าอย่างมีความหวัง
      
*มือใหม่หัดปีน
วิธีการของมือใหม่หัดปีน เล่นอย่างไรถึงจะปลอดภัย
ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่าเราต้องการจะเล่นถึงระดับไหน ต้องการเสี่ยงไหม?
ถ้าไม่ต้องการเสี่ยง การเริ่มต้นก็คงไม่ยากนัก อาจเริ่มต้นด้วยการกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง
ปีนป่าย ทำให้เป็นประจำสม่ำเสมอ ร่างกายจะปรับตัวได้โดยอัตโนมัติ ที่สำคัญคือ
ต้องมีทักษะยิมนาสติกพื้นฐาน

ส่วนสถานที่ฝึกซ้อมที่จะแนะนำคือโรงยิมนาสติกของศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่นดินแดง
เพราะมีอุปกรณ์พร้อมทุกอย่าง ทั้งลานกว้าง เบาะยิม ให้เราฝึกจนมั่นใจก่อนออกไปลอง
กับสถานที่จริงข้างนอก

"เลือกเล่นตามความชอบ ชอบแบบไหนก็เล่นแบบนั้น ถ้าเล่น Parkour ก็ไม่มีตีลังกา
แต่ถ้าเล่น FreeRunning ก็จะมีปีนด้วย ตีลังกาด้วย แต่คนไทยส่วนใหญ่ที่เล่นจะเล่น
FreeRunning กันมากกว่า ที่สำคัญคือ ร่างกายของผู้เล่นจะต้องยืดหยุ่น แข็งแรง
และใจต้องมีความกล้าหาญ"

"ถ้าเล่นเพราะแค่อยากเท่ ผมไม่แนะนำให้เล่น เพราะความตั้งใจอาจไม่พอที่จะยอมเสี่ยง
แต่ถ้าใจรักยอมเจ็บ ยอมฝึกและทุ่มเท มันก็มีโอกาสที่คุณจะเก่งได้ ก่อนอื่นคุณจะต้อง
ทำร่างกายให้รับน้ำหนักตัวเองให้ได้ก่อน เช่น การฝึกหกสูง การโหนบาร์ ฝึกกำลังแขน-
กำลังขา วิดพื้น ม้วนตัว กระโดด และสมาธิ กีฬานี้มันมีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง
คือสามารถปรับเปลี่ยนประยุกต์การเล่น และท่าทางได้ด้วยตัวของเราเอง
ทำให้เราพัฒนาตัวเองได้อย่างอัตโนมัติ" 


อ้างอิงมาจาก http://www.sponsor.co.th/scoop_today.php?id=20

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น