วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2556

กีฬา Bungee jumping

File:Bungie-Jumping.jpg




บันจีจัมพ์ เป็นกีฬาที่ผู้เล่นจะต้องกระโดดลงมาจากที่สูงโดยมีเชือกยึดไว้ โดยทั่วไปจะกระโดดลงมาจากสถานที่ที่เคลื่อนที่ไม่ได้ เช่น สะพาน อาคารสูง เป็นต้น แต่บางครั้งก็สามารถกระโดลงมาจากอากาศยานอย่างบัลลูนหรือเฮลิคอปเตอร์ได้เช่นกัน
บันจี้จัมพ์ เป็นกีฬาท้าความกล้าซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่หนุ่มสาวยุคใหม่ทั่วโลก แต่เดิมเป็นการพิสูจน์ความกล้าหาญ ความป็นชายชาตรีของชาวเมลานีเชี่ยน ชนเผ่าหนึ่งในหมู่เกาะแปซิฟิก ซึ่งมีพิธีพิสูจน์ความเป็นชายชาตรีโดยการกระโดดจากหอสูง ประมาณ 20 เมตร โดยใช้เพียงเชือกจากเถาวัลย์มัดขาไว้ แล้วดิ่งตัวลงมา ต่อมาชมรมกีฬาของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดคือ Oxford University Dangerous Sport Club ได้นำกิจกรรมนี้มาดัดแปลง โดยใช้เชือกยางเหนียวนุ่มมัดข้อเท้าแทนเถาวัลย์ และทำการกระโดดจาก London Bridge แต่ทำได้แค่ครั้งเดียว จนต่อมาในปี ค.ศ. 1988 กีฬาบันจี้จัมพ์ได้ถูกนำกลับมาใช้ในเชิงพาณิชย์โดย A.J. Hackett จากประเทศนิวซีแลนด์ จนได้รับความนิยม และปลอดภัยเชื่อถือได้อย่างทุกวันนี้ อุปกรณ์การเล่นบันจี้จัมพ์ เนื่องจากเป็นกีฬาที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงอุปกรณ์ที่ใช้จึงต้องได้มาตรฐาน และต้องได้รับการตรวจเช็คอย่างละเอียดก่อนที่จะทำการเล่นหรือกระโดดจริง โดยอุปกรณ์หลักประกอบด้วย 1. สายเชือกที่เรียกว่า Bungy Corde ซึ่งเป็นเชือกสายยืดที่ต้องรับน้ำหนักได้อย่างเหมาะสม 2. ที่รัดขา หรือ Leg Wrap ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้พันขาโดยจะมีขอเกี่ยวกับ Bungy Corde ขั้นตอนการกระโดดบันจี้จัมพ์ ในการเตรียมตัว ผู้เล่นต้องชั่งน้ำหนักโดยปลดทรัพย์สินหรือเครื่องแต่งกายที่ไม่จำเป็นออกเพื่อชั่งน้ำหนักอย่างแท้จริง เพื่อที่ผู้ควบคุมการกระโดดหรือ Jump Master จะได้คำนวณหาค่าที่เหมาะสม สำหรับการปล่อยสายและขนาดของสายที่จะใช้ ที่เรียกว่า Bungy Corde หรือสายยืด ซึ่งมีตั้งแต่ขนาดที่รับน้ำหนักได้ 40 – 60 กิโลกรัม 60 - 80 กิโลกรัม และ 80 – 100 กิโลกรัม จากนั้นก็นั่งลงให้ Jump Master พันขาด้วย Leg Wrap เหมือนที่รัดหน้าท้อง แล้วก็ใช้ Leg Step หรือเชือกพันขา โดยใช้ Pin ตัวเกี่ยวต่อกับ Bungy Corde ที่คำนวณไว้แล้ว อุปกรณ์ที่สำคัญแม้มีไม่กี่ชิ้น แต่ก็เน้นความปลอดภัยและอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของ Jump Master ตลอด ท่ากระโดดบันจี้จัมพ์ ท่ากระโดดของบันจี้จัมพ์ มีด้วยกัน 4 ท่า คือ 1. DD คือการดิ่งหรือล้มตัวแบบนิ่งๆ ลงมา 2. Forward การกระโดดพุ่งตัวลงมาจากเครน 3. Back ward เป็นการหันหลังกระโดด 4. Tandom เป็นการกระโดดคู่ เมื่อสิ้นการคำนวณและใส่อุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว ก็ไปขึ้นกระเช้า แล้วเครนก็พาขึ้นไปที่ความสูง 50 เมตร จากนั้น Jump Master ก็ตรวจความพร้อม เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ก็เตรียมกระโดด ซึ่ง Jump Master จะบอกวิธีการกระโดดอีกครั้ง
ข้อแนะนำในการเล่นบันจี้จัมพ์ อย่ามองข้างล่าง ให้มองวิวข้างหน้า ทำใจให้สบาย ค่อยๆกางมือออก แล้วกระโดด พอเชือกลงมาจนสุดแล้วมันจะดีดกลับ ตัวเราจะเด้งขึ้น หรืออาจจะหมุนเหมือนควงสว่าน สถานที่เล่นบันจี้จัมพ์ในเมืองไทย พัทยา มีผู้ใหบริการบันจี้จัมพ์ 2 ราย คือ Jungle Bungy Jump และ Pattaya Kart Speed Way เกาะสมุย มีผู้ให้บริการ 1 ราย ที่อ่าวเฉวง Samui Bungee Jumping โดยกระโดดที่ความสูง 50 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลของอ่าวเฉวง ภูเก็ตมีผู้ให้บริการ 2 ราย คือ Jungle Bungy Jump ที่หาดกระทู้ โดยกระโดดจากความสูง 50 เมตรเหนือน้ำทะเล และ World Bungy ที่หาดป่าตอง โดยเป็นที่กระโดดบีนจี้จัมพ์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย เชียงใหม่ มีผู้ให้บริการ 1 ราย คือ ที่อำเภอแม่ริม Jungle Bungy Jump (Chiang Mai) โดยขึ้นลิฟท์ไปยังแท่นกระโดดซึ่งสูง 50 เมตรเหนืออ่างเก็บน้ำ

อ้างอิงมาจาก http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B9%8C

กีฬา Drifting

Drifting


การดริฟต์ (Drifting หรือ Powersliding) คือ รูปแบบการขับขี่รถยนต์ในทางโค้ง โดยทำการอันเดอร์สเตียร์ (under steer) เข้าหาโค้ง แล้วผ่านโค้งนั้นไปสำหรับการนี้โดยเฉพาะ การดริฟต์อาจใช้เพื่อความสนุก ซึ่งมีจุดประสงค์ที่ผสมผสานระหว่างความสนุกกับการเสริมทักษะในการควบคุมรถ หรืออาจใช้ในการแข่งขันก็ได้





การแข่งดริฟต์ เป็นการแข่งที่ดูจากพฤติกรรมการดริฟต์มากกว่าความเร็วที่วิ่งได้ต่อรอบหรือตำแหน่งที่เข้าเส้นชัย เกณฑ์การตัดสินหลัก ๆ จะขึ้นอยู่กับ 4 ปัจจัยได้แก่ มุมการเข้าโค้ง ไลน์ ความเร็ว และลูกเล่นหรือสไตล์การดริฟต์ โดยปกติแล้วการดริฟต์ไม่ใช่วิธีที่ทำให้ไปได้เร็วที่สุดในสนามแข่ง 




แต่ในบางครั้งการดริฟต์นั้นจะมีประโยชน์อย่างมาก เช่นในการแข่งแรลลี่ แต่ในการแข่งเซอร์กิตนั้น การดริฟต์จะทำให้รถไปได้ช้ากว่าการใช้เทคนิคธรรมดา การดริฟต์นั้นจะสามารถกระทำได้ง่ายกับรถที่เป็นระบบขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง เพราะลักษณะการถ่ายกำลังและการถ่ายเทน้ำหนักของรถประเภทนี้เหมาะสมที่สุด

อ้างอิงมาจาก http://teshwin57.blogspot.com/p/drifting.html

กีฬา Motocross

ประวัติ Motocross  โมโตครอส คือ



รูปแบบของ กีฬามอเตอร์ไซด์ ที่ทำการแข่งขันในสนามที่มีภูมิประเทศขรุขระ หรือมีสิ่งกีดขวางต่างๆเพื่อเพิ่มความยากให้กับการแข่งขัน
และเป็นการเพิ่มความสนุกสนานให้กับท่านผู้ชมไปในตัว ซึ่งรูปแบบการแข่งขันและตัวรถถือกำเนิดมาจาก ฝรั่งเศส และได้รับการแพร่หลายไปยังเกาะอังกฤษ
โดยชื่อ Motocross หรือ โมโตครอส ได้มาจากคำว่า “มอเตอร์ไซด์“และ”ครอสคันทรี” (“Motorcycle” and “Cross Country”)
ประวัติความเป็นมาของโมโตครอสBritish Motocross เป็นวิวัฒนาการของ ออฟโรด หรือที่เรียกว่า scrambling ซึ่งเป็นวิวัฒนาการของ การทดลองใช้รถจักรยานยนต์เพื่อกระทำในกิจการด้านต่างๆ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นิยมมากในภาคเหนือของสหราชอาณาจักร (UK ) ช่วงที่รู้จักกันครั้งแรกเกิดขึ้นที่ Camberley , Surrey ในปี 1924 ถึงปี 1930
เป็นกีฬาในความนิยมมากขึ้นอย่างรวดเร็วและแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหราชอาณาจักรที่มีทีมจาก  บริษัท เบอร์มิงแฮม (BSA), Norton ,  Rudge , และ AJS เข้าร่วมแข่งขัน ในกิจกรรมครั้งนั้น จักรยานออฟโรดจากยุคที่แตกต่างกันเล็กน้อยจากที่ใช้บนท้องถนน
การแข่งขันโมโตครอสเป็นการแข่งขันที่รุนแรง เนื่องจากต้องแข่งขันในภูมิประเทศที่ขรุขระ ซึ่งด้วยเหตุนี้เองได้นำไปสู่การปรับปรุงด้านเทคนิคทางด้านต่างๆของรถจักรยานยนต์ เพื่อที่จะสามารถนำมาทำการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเริ่มมีการปรับปรุงช่วงล่างต่างๆของมอเตอร์ไซต์ที่ใช้ในการแข่งขัน และในเวลาต่อมาก็มีการจดทะเบียนเพื่อเริ่มในกระบวนการผลิตเพื่อออกจำหน่ายสู่ท้องตลาด
หลังจากสิ้นสุกสงครามโลกครั้งที่สอง  บีเอสเอ  (BSA) ก็ได้กลายเป็น บริษัท รถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เป็นผู้ครอบงำการจัดแข่งขันระดับนานาชาติตลอดปี 1940
motocross ถูกนำไปแพร่หลายในประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1966 ต่อมาช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 บริษัท รถจักรยานยนต์ญี่ปุ่นเริ่มท้าทายโรงงานยุโรปสำหรับอำนาจสูงสุดในโลก Motocross
โดยใช้ชื่อยี่ห้อว่า Suzuki เข้าชิงแชมป์โลกเป็นครั้งแรกของโรงงานญี่ปุ่นที่เข้าร่วมในรายการนี้และได้รับแชมป์ในปี 1970 ในรุ่น 250 ซีซี
Motocross เริ่มที่จะเติบโตและได้ความนิยมขึ้นเรื่อยๆในประเทศสหรัฐอเมริกา และถูกเปิดตัวให้เป็นการแข่งขันกีฬาครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นในปี 1972 ที่ สนาม Los Angeles Coliseum
หลังจากนั้นก็เริ่มที่จะมีการปรับเพิ่มการแข่งขันให้มีรายการแข่งขันหลายๆประเภทสำหรับโมโตครอส โดยในปี 1975 นักแข่งชาวอเมริกันก็สามารถครองแชมป์โลกในรุ่น 250 ซีซี ได้สำเร็จ
ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 โรงงานญี่ปุ่นเป็นประธานในพิธีจัดนิทรรศการณ์เทคโนโลยีขึ้น โดยมีการปรับปรุงเครื่องยนต์สองจังหวะที่จากเดิมมีระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ และปรับเปลี่ยนให้มี
เครื่องยนต์ที่มีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำเข้ามาแทนที่ และติดตั้งโช้คอัพช่วงล่างหลังเดี่ยวเข้ามาแทนที่ ต่อมาปี 1990 ได้มีการเข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับกฎหมายสิ่งแวดล้อม ซึ่งทางรัฐแคลิฟอร์เนีย
ได้บังคับให้ผู้ผลิตและการพัฒนาเครื่องยนต์ได้คำนึงถึงเทคโนยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในจุดนี้เอง ก็ได้ถือกำเนินเครื่องยนต์ของรถโมโตครอสแบบสี่จังหวะเกิดขึ้น
ทำให้ผู้ผลิตรายใหญ่ๆได้เริ่มต้นที่จะหันมามีส่วนร่วมที่จะผลิตและเข้าร่วมการแข่งขันโมโตครอสในแบบเครื่องยนต์สี่จังหวะกันมากขึ้น

อ้างอิงมาจาก http://www.motocross.in.th/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-motocross-%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%AA-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD/

กีฬา Skysurfing

Skysurfing


Skysurfing การกระโดดร่มซึ่ง skydiver สวมแนบมากับคณะกรรมการฟุตของเขาหรือเธอและดำเนินการไม้ลอยท่องสไตล์ในช่วงเหว โต๊ะที่ใช้เป็นมีขนาดเล็กกว่ากระดานโต้คลื่นจริงและมีลักษณะเหมือนสโนว์บอร์ดสเก็ตบอร์ดหรือขนาดใหญ่ 






สิ่งที่แนบมากับเท้าทำตามปกติที่ถอดออกได้เพื่อที่ว่าถ้า skydiver สูญเสียการควบคุมหรือมีความยากลำบากของพวกเขาเปิดร่มชูชีพคณะกรรมการสามารถ jettisoned Surf ไฟลท์คือท้องฟ้า บริษัท แรกคณะกรรมการลิขสิทธิ์โดย Jerry Loftis (1 มกราคม 1969 - 12 สิงหาคม 1998)




อ้างอิงมาจาก http://teshwin57.blogspot.com/p/skysurfing.html

กีฬา Flow Boarding

Flow Boarding โต้คลื่นได้ แม้ไม่มีทะเล



Flow Boarding โต้คลื่นได้ แม้ไม่มีทะเล
Flow Boarding กีฬาทางน้ำ กีฬารูปแบบใหม่ที่ขอแนะนำให้กับผู้ที่ชื่นชอบความท้าทายและมั่นใจว่าสามารถเอาชนะความแรงของกระแสน้ำได้เท่านั้น และ Flow Boarding เหมาะมากๆครับ สำหรับอากาศและสภาพภูมิประเทศแบบเมืองไทยอย่างบ้านเรา เพราะว่าภูมิประเทศอย่างบ้านเราไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไร กับการเล่นกีฬาโต้คลื่น

โดย Flow Boarding เป็นการดัดแปลงกีฬาประเภทบอร์ดทางน้ำ ให้กลายเป็นเกมกีฬาท้าทายความสามารถ ที่จะเล่นที่ไหนหรือเมื่อไรก็ได้ ขอแค่มีเครื่องสร้างกระแสน้ำหรือที่เรียกว่า Flow Rider และบอร์ดคู่ใจก็พอ นอกจากนี้ Flow Boarding ยังผสมผสานทักษะกีฬาประเภทบอร์ดอื่นๆเข้าไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น Skate board หรือ Snow board เพื่อเพิ่มดีกรีความเข้มข้นไปอีกขั้น Flow Boarding นิยมมากในต่างประเทศ และในบ้านเรา Flow Boarding ก็กำลังเป็นที่ให้สนใจมากๆในหมู่นักกีฬาประเภท Extreme ซึ่งถ้าใครอยากลองเล่น ก็ลองได้ที่ Flow House Bangkok สุขุมวิท 26 โดยที่นี่ มีเครื่องที่สามารถสร้างคลื่นมาตรฐาน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแห่งแรกในไทย
ความสนุกอยู่ตรงที่ เราจะต้องใช้ทักษะและความสามารถในการต้านความแรงของกระแสน้ำที่มีความรุนแรง 20-30 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยผู้เล่นจะต้องทรงตัวอยู่บนแผนบอร์ดให้ได้ และเมื่อทรงตัวให้อยู่บนบอร์ดได้แล้ว แน่นอนละครับว่าขึ้นชื่อว่าเป็นกีฬา Extreme แล้ว เรื่องของการออกลวดลายขณะทรงตัวนั้นเป็นเสน่ห์ของกีฬา Flow Boarding ที่ขาดไม่ได้ โดยผู้ที่เริ่มเล่น อาจจะเริ่มจากการเลือกบอร์ดที่ยาวและหนักกว่าเพราะจำทำให้ทรงตัวได้ง่าย และเมื่อเริ่มชำนาญก็จะค่อยๆลดขนาดและน้ำหนักลง เพื่อการออกลวดลายที่ง่ายและท้าทายมากกว่านั่นเอง หากท่านไหนกำลังลองหากิจกรรมที่แปลกใหม่ และท้าทายทำละก็ ไม่ควรพลาดครับ

อ้างอิงมาจาก http://men.sanook.com/551/flow-boarding-%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5/

กีฬา Windsurfing

Windsurfing

Windsurfing ถือเป็นกีฬาทางน้ำชนิดหนึ่งที่มีความคล้ายกับ Sailing หรือ เรือใบ แต่แตกต่างกันตรงที่ Windsurfing ผู้เล่นจะยืนเพื่อควบคุมทิศทางของเรือแต่เรือใบจะใช้การนั่งควบคุมแทน โดยกีฬาชนิดนี้จะตอบสนองผู้ที่ชื่นชอบกีฬาที่มีความสนุกสนาน ผ่อนคลาย บวกกับความท้าทายและความสะใจสุดๆได้ดี เพราะการเล่น Windsurfing จะเน้นความเร็วที่มาจากคลื่นลมผสมผสานกับความลุ้นระทึกของคลื่นทะเล หากคุณได้ลองสัมผัสกับความสะใจและความสนุกสนานของกีฬาชนิดนี้แล้ว รับรองได้ว่านี่จะเป็นตัวเลือกที่ดีให้กับการพักผ่อนและเติมพลังชีวิตให้คุณลุยงานต่อได้ถึงไหนถึงกันเลยทีเดียว

เตรียมตัวก่อนเล่น
ก่อนอื่นเลย คุณต้องมีใจที่กล้า รักและสะใจกับความท้าทาย ต้องฟิตร่างกายให้แข็งแรง ต้องว่ายน้ำเป็น เพราะ Windsurfing เป็นกีฬาทางน้ำที่อาจจะตกน้ำได้ง่ายในช่วงการฝึกแรกๆ หากคุณว่ายน้ำไม่เป็นแล้วอาจจะเกิดอันตรายได้ เตรียมได้ครบดังนี้แล้วโต้คลื่นได้เลย

จะเริ่มต้นอย่างไรดี

คุณอาจจะลองสำรวจตามสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลว่าที่ไหนมีบริการให้เช่าอุปกรณ์การแล่นและสอนวิธีการเล่นกีฬาชนิดนี้ ส่วนราคาของอุปกรณ์จะไม่แตกต่างกับกีฬาทางน้ำชนิดอื่นคือประมาณเจ็ดหมื่นถึงแปดหมื่นบาท ซึ่งในการเล่นครั้งแรกๆ ควรหาเช่าอุปกรณ์เสียก่อน ซึ่งราคาไม่แพงและจะได้ทราบว่าคุณเหมาะกับเครื่องเล่นแบบใดนั่นเอง
สำหรับหลักสูตรการสอนนั้นส่วนมากมีเปิดสอนตามที่ให้บริการเช่าอุปกรณ์ทั่วไป โดยขั้นแรก ผู้ฝึกจะให้คุณลองฝึกการทรงตัวในน้ำให้ดีเสียก่อนแล้วค่อยๆ พัฒนาขึ้นไปเป็นการทรงตัวบนกระดาน เพราะเมื่อคุณทรงตัวในน้ำได้แล้วการที่จะทรงตัวบนกระดานก็จะไม่ยากอีกต่อไป ถัดไปก็จะถึงเวลาของการฝึกแบบเต็มที่ ซึ่งจะมีผู้ดูแลไปคอยดูแลคุณในการฝึกบนคลื่นทะเลและสายลมของจริง และเมื่อคุณเสร็จการฝึกแล้วก็จะได้ประกาศนียบัตรรับรองอีกด้วย ในช่วงเวลาที่เหมาะกับการเล่น Windsurfing ในบ้านเราควรที่จะเป็นหน้าร้อนและหนาว ควรหลีกเลี่ยงหน้ามรสุมโดยเด็ดขาด และสำหรับผู้เริ่มเล่น ในตอนเช้าจะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากลมจะไม่แรงเท่าไร แต่สำหรับคนที่ชำนาญ ช่วงบ่ายที่มีลมแรงจะเหมาะสมที่สุด

กฎ กติการ มารยาท และข้อควรปฏิบัติในการเล่น

ควรที่จะคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวคุณเองเป็นอันดับแรก เช่น คุณไม่ควรเล่นคนเดียวเพราะหากเกิดอันตรายจะไม่มีใครช่วยคุณได้ ควรสวมเสื้อชูชีพทุกครั้งในการเล่น ควรรู้จักสภาพร่างกายของตัวเองในขณะนั้นว่าพร้อมหรือไม่ และควรตรวจสภาพเครื่องเล่นของคุณให้ดีก่อนที่นำออกไปเล่นทุกครั้ง

อุปกรณ์ในการเล่น

ส่วนที่เป็นกระดาน ( Board ) โดยทั่วไปทำจากไฟเบอร์กลาส บุข้างในด้วยโฟมเพื่อช่วยในการลอยตัวและมีน้ำหนักเบา ด้านบนจะเคลือบด้วยวัสดุกันลื่นมีหลายแบบทั้งที่เพื่อเหมาะสมกับความต้องการที่แตกต่างกัน
ส่วนของใบ ( Sail ) โดยทั่วไป ใบจะทำจากผ้า Darron และ Mono Film ไฟเบอร์กลาส ส่วนเสาทำจาก Carbon Fiber มีหลายแบบตามแต่ความต้องการของผู้เล่นเช่นกัน
เสื้อชูชีพ มีความจำเป็นเพราะเป็นสิ่งที่ป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวคุณในระหว่างการเล่นได้ดีชุดฝึก ควรจะเป็นชุดที่ใส่สบาย ไม่อมน้ำ หากกลัวแมงกะพรุนอาจจะใส่เป็น Wet Suit กันไว้ก็ได้


อ้างอิงมาจาก http://www.weddingstudio.org/advent0006.html

กีฬา Sandboarding

Sandboarding


Sandboarding เป็นกีฬาคล้ายกับสโนว์บอร์ด มันเป็นกิจกรรมสันทนาการที่ที่เกิดขึ้นบนเนินทรายมากกว่าภูเขาหิมะปกคลุม-boardsport นี้มีู้ผู้เล่นส่วนใหญ่ในพื้นที่ทะเลทรายหรือ





พื้นที่ชายฝั่งทะเลที่มีเนินทรายชายหาดมันเกี่ยวข้องกับการขี่ข้ามหรือลงเนินในขณะที่ยืนด้วยเท้าทั้งสองมัดติดอยู่กับคณะกรรมการแม้ว่าบางคนใช้ sandboarders โดยไม่ต้องผูกมันเป็นความนิยมน้อยกว่าสโนว์บอร์ดส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันเป็นเรื่องยากมากที่จะสร้างลิฟท์






สกียานยนต์เมื่อเนินทรายและอื่น ๆ โดยทั่วไปจะต้องมีส่วนร่วมเดินกลับขึ้นไปด้านบน หรือพวกเขาอาจขี่รถชายหาดหรือกลับรถทุกพื้นที่ที่ด้านบนของเนินทราย บนมืออื่น ๆ , เนินทรายเป็นปกติใช้ได้ตลอดทั้งปี

อ้างอิงมาจาก http://teshwin57.blogspot.com/p/sandboarding.html

กีฬา Snowboarding

Snowboarding


สโนว์บอร์ดเป็นกีฬาฤดูหนาวที่เกี่ยวข้องกับการลงทางลาดที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะในขณะที่ยืนอยู่บนเรือที่ติดอยู่กับเท้าของผู้ขับขี่ใช้ชุดบูตพิเศษลงบนปกที่ติดตั้งอยู่





 การพัฒนาของสโนว์บอร์ดเป็นแรงบันดาลใจสเก็ตบอร์ด, หมาลากเลื่อน, ท่องและเล่นสกี มันถูกพัฒนาในประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1960 และกลายเป็นฤดูหนาวกีฬาโอลิมปิกในปี1998 ในปี 2002 สโนว์บอร์ดในการแข่งขันที่เกิดขึ้นทั่วโลกทัวร์สโนว์บอร์ด




อ้างอิงมาจาก http://teshwin57.blogspot.com/2013/07/snowboarding.html

กีฬา freerunning

 
 
FreeRunning : X-Sport ของคนวัยมันส์

  
"Parkour และ FreeRunning ก็เหมือนกีฬา Extreme อื่นๆ เหมือนกีฬาโดดร่ม ปีนเขา
สเก็ตบอร์ด" ธนะ บุญเหมาะ บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพะเยา ผู้มีงาน
อดิเรกสุดผาดโผนคือการเล่น FreeRunning หยุดสปริงข้อเท้าเพื่อมาตอบคำถามให้
คนหน้าใหม่อย่างเราฟัง

เมื่อเอ่ยถามถึงความแตกต่างของเจ้าสองสิ่งนี้ ธนะอธิบายว่า Parkour จะเน้น
การเคลื่อนย้ายร่างกายในสถานที่ที่ยากแก่การเคลื่อนที่ โดยเน้นทำด้วยความเร็ว
อย่างที่เราได้เห็นจากภาพยนตร์ที่มีฉากการไล่ล่า ฉากกระโดดข้ามตึก Parkour
มีต้นกำเนิด และเป็นที่นิยมในประเทศฝรั่งเศส โดยการปลุกกระแสของ David Balle
ดารานำแสดงภาพยนต์เรื่อง B13

ส่วน Free Running เป็นกีฬาที่มีพื้นฐานมาจาก Parkour นิยมเล่นกันในประเทศอังกฤษ
ซึ่งที่อังกฤษได้รับความนิยมมาก เพราะคลิปวิดีโอ Brothers Journey ของ 2 พี่น้อง
Chase and Cole Armitage จากทีม 3Run ซึ่งคลิปวิดีโอนี้โด่งดังไปทั่วโลก การเล่น
ของ FreeRunning จะไม่เน้นความเร็วของการเคลื่อนที่ไปยังจุดต่างๆ แต่จะเน้นที่
ความสวยงามของการกระโดดมากกว่า คล้ายกับการหยิบเอายิมนาสติกมาออกเล่น
นอกสถานที่ อาจมีความเสี่ยงบ้างแต่ก็มีประโยชน์มากในการสร้างสมาธิ ความกล้า
และความมั่นใจ ธนะอธิบายให้ฟัง

"Parkour จะเป็นการกระโดดไกลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง จุดสังเกตง่ายๆ ของ
Parkour คือจะไม่มีการตีลังกา มีแต่การปีนอย่างเดียว ส่วน FreeRunning จะมีท่า
ตีลังกาเพิ่มเข้ามา"

"ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพคือ ฉากที่จาพนมวิ่งหนี กระโดดหลบสิ่งกีดขวางต่างๆ
ในเรื่ององก์บาก และต้มยำกุ้ง เราจะได้เห็น FreeRunning ซึ่งเป็นการวิ่งหลบหลีก
สิ่งกีดขวางต่างๆ และจะเน้นท่าทางที่สวยงาม ส่วนเรื่อง B13 นั้นส่วนใหญ่เป็นฉาก
Parkour จะเน้นไปที่ความรวดเร็ว ไม่เน้นท่าสวยงามมากนัก"

ธนะช่วยยกตัวอย่างการเล่นของ Parkour เพิ่มเติมว่า มันเหมือนการเดินของแมวบน
ราวบันได การกระโดดลอดผ่านช่องเล็กๆ ด้วยความรวดเร็ว การกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง
ระยะไกลๆโดยการใช้มือค้ำการกระโดดข้ามตึก Parkour จะให้เรื่องพละกำลัง
และสุขภาพมากกว่า FreeRunning และบางครั้งยังนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
ได้มากกว่าด้วย
      
*ชุมชนรวมมนุษย์ผาดโผน : ThaiFreeRunning.com หรือ AmericanParkour.com
      
พูดถึงท่าเบสิกนี่ มีกี่ท่าครับ?
"ท่าบังคับของ FreeRunning จะมีการปีน การข้ามกำแพง มันเป็นลักษณะ
การประยุกต์ใช้ให้ดูสวย อย่างเช่น Wall Spin เป็นท่ากระโดดกับกำแพง Wall Flip
ท่าไต่กำแพงโดยใช้เท้าเหยียบกำแพงแล้วตีลังกาหลัง Palm Flip เป็นการเอามือ
สองข้างจับกำแพงแล้วตีลังกาหลัง และท่าอื่นๆ อีกเยอะแยะ"

"นอกจากนั้นก็มีท่า Cat leap คือท่าที่กระโดดไปเกาะกำแพงอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเป็นท่า
ที่ง่ายสุด ทำได้ทุกคนอยู่แล้ว ง่ายรองลงมา คือการม้วนหน้า มันสำคัญมากเวลา
ลงจากที่สูง เพราะจะช่วยผ่อนแรงกระแทกเวลาเราลงถึงพื้น" ธนะเสริม
พวกท่าพื้นฐานสำหรับคนเริ่มฝึกหัด อาจเริ่มต้นจากเว็บไซต์ ThaiFreeRunning.com
จากนั้นก็ไปหาศึกษาต่อเพิ่มเติมจากคลิปวิดีโอจาก Youtube.com ก็ได้
      
*สนุก แข็งแกร่ง แถมท้าทาย
      
*Parkour & FreeRunning ในต่างแดน
ธนะเล่าว่า ที่ประเทศอังกฤษ และรัสเซีย จะเล่นกันแรงมาก เล่นท่าเสี่ยงมาก
"ผมเคยเห็นวิดีโอคลิปที่กระโดดลังกาหลังลงมาจากตึก 4 ชั้น สูงมากๆ แต่เขาลุกขึ้น
มาเดินต่อได้เฉยเลย น่ากลัวเป็นผมคงไม่ไหว เพราะมันเสี่ยงเกินไป"

"แต่ชาวต่างชาติ เขาจะสนับสนุนกีฬาชนิดนี้มาก มีการจัดประกวดอยู่บ่อยครั้ง เช่นงาน
RedBull Art of Motion ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มีการเชิญคนดังๆ ในแวดวง
Parkour & FreeRunning จากอินเทอร์เน็ตมาประกวดแข่งขันกัน โดยให้ผู้ชมร่วมเป็น
กรรมการโหวตตัดสินหาผู้ชนะ"

"FreeRunning ในประเทศไทย ยังจัดอยู่ในช่วงกำลังพัฒนา ยิมนาสติกยังเป็นเรื่องแปลก
สำหรับบ้านเรา โรงยิมนาสติกก็ไม่ค่อยมีให้เห็น หากในบ้านเรามีผู้ใหญ่ใจดีสนับสนุนกีฬา
ยิมนาสติกอย่างจริงจัง ต่อไปเราคงได้เห็นวัยรุ่นกระโดดไปมาตามสถานที่ต่างๆ
ไม่แน่มันอาจกลายเป็นเทรนด์ใหม่แทนเด็กบีบอยที่เต้นตามห้างก็ได้"
ธนะเล่าอย่างมีความหวัง
      
*มือใหม่หัดปีน
วิธีการของมือใหม่หัดปีน เล่นอย่างไรถึงจะปลอดภัย
ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่าเราต้องการจะเล่นถึงระดับไหน ต้องการเสี่ยงไหม?
ถ้าไม่ต้องการเสี่ยง การเริ่มต้นก็คงไม่ยากนัก อาจเริ่มต้นด้วยการกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง
ปีนป่าย ทำให้เป็นประจำสม่ำเสมอ ร่างกายจะปรับตัวได้โดยอัตโนมัติ ที่สำคัญคือ
ต้องมีทักษะยิมนาสติกพื้นฐาน

ส่วนสถานที่ฝึกซ้อมที่จะแนะนำคือโรงยิมนาสติกของศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่นดินแดง
เพราะมีอุปกรณ์พร้อมทุกอย่าง ทั้งลานกว้าง เบาะยิม ให้เราฝึกจนมั่นใจก่อนออกไปลอง
กับสถานที่จริงข้างนอก

"เลือกเล่นตามความชอบ ชอบแบบไหนก็เล่นแบบนั้น ถ้าเล่น Parkour ก็ไม่มีตีลังกา
แต่ถ้าเล่น FreeRunning ก็จะมีปีนด้วย ตีลังกาด้วย แต่คนไทยส่วนใหญ่ที่เล่นจะเล่น
FreeRunning กันมากกว่า ที่สำคัญคือ ร่างกายของผู้เล่นจะต้องยืดหยุ่น แข็งแรง
และใจต้องมีความกล้าหาญ"

"ถ้าเล่นเพราะแค่อยากเท่ ผมไม่แนะนำให้เล่น เพราะความตั้งใจอาจไม่พอที่จะยอมเสี่ยง
แต่ถ้าใจรักยอมเจ็บ ยอมฝึกและทุ่มเท มันก็มีโอกาสที่คุณจะเก่งได้ ก่อนอื่นคุณจะต้อง
ทำร่างกายให้รับน้ำหนักตัวเองให้ได้ก่อน เช่น การฝึกหกสูง การโหนบาร์ ฝึกกำลังแขน-
กำลังขา วิดพื้น ม้วนตัว กระโดด และสมาธิ กีฬานี้มันมีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง
คือสามารถปรับเปลี่ยนประยุกต์การเล่น และท่าทางได้ด้วยตัวของเราเอง
ทำให้เราพัฒนาตัวเองได้อย่างอัตโนมัติ" 


อ้างอิงมาจาก http://www.sponsor.co.th/scoop_today.php?id=20

กีฬา ATV

ATV กีฬาสำหรับคนมีตังค์


เอทีวี (ATV ย่อจาก All-Terrain Vehicle) หรือ ควอดไบต์ (quad-bike หรือย่อว่า ควอด) เป็นรถที่มีเครื่อง”มอเตอร์ไซค์”ถูกออกแบบมาให้มีขนาดเล็ก และเป็นสามล้อสำหรับใช้ในทางวิบาก อย่างไรก็ตามทาง”แอนซี” ได้นิยามว่า “เอทีวี” คือชื่อสำหรับยานยนต์ที่มีลักษณะสำหรับการขับขี่ที่มีแรงกดดันต่ำที่ยาง,และ ที่นั่งก็เป็นลักษะที่ต้องถ่างขาหรือขึ้นคร่อมเวลาใช้งานโดยผู้ขับขี่ และมือทั้งสองข้างก็บังคับโดยจับที่แฮนด์ควบคุมขับขี่โดยมีคนบังคับคนเดียว ถึงแม้ว่าจะมีการประยุกต์ให้มีที่นั่งเพิ่มขึ้นมาอีกสองที่นั่ง (ตามแนวยาว) การประยุกต์ในการใช้งานแบบใหม่นี้ ก็ยังอยู่ในการพิจารณาอยู่
รถเอทีวีคันแรกนั้นคาดว่าจะสร้างขึ้นในปี “ค.ศ. 1950″ ซึ่งในตอนนั้น รถจะมีหกล้อ แทนที่จะเป็นสี่ล้อ ฮอนด้าได้ผลิตรถเอทีวีชนิดสามล้อขึ้นมาในปี 1970 และ ที่ให้เป็นที่รู้จักและติดตามากขึ้นในภาพยนตร์เรื่อง เพชรพยัคฆราช หลังจากนั้นก็ถูกขนานนามในชื่อ US90 ต่อมา ATC90 ก็ถูกแต่งเติมสำหรับการใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งต่อมาการใช้ยางทรงรีเส้นใหญ่ก็ถูกนำมาแทนที่รูปแบบเดิมโดยภายหลังใน ปลายๆปี 1980 การหยุดผลิตยางแบบเดิมซึ่งมีคุณภาพต่ำก็ถูกนำมาใช้อีกในปี 1982 ฮอนด้า รุ่น ATC200E Big Red ก็ถูกผลิตมาให้ในเมืองโดยสิ่งที่เพิ่มมาทั้งคู่คือก็คือชั้นวางและ ระบบการเบรก ทำให้มันเป็นรถ ATV ตัวแรกที่เป็นสามล้อ ด้วยความสามารถที่สามารถไปได้ทุกที่ ซึ่งรถในยุคนั้นไม่สามารถไปได้จึงทำให็เป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับนักล่า สัตว์ใน สหรัฐอเมริกา และ แคนาดา และเช่นกันที่รถนี้จะมียางที่มีสมรรถภาพเยี่ยมสำหรับขับขี่ ซึ่งหลังจากนั้นมา ผู้ผลิตจากค่ายต่าง ๆ ก็ได้สร้างรถสมรรถภาพเยี่ยมออกมาแข่งขันกันอย่างต่อเนี่อง
สำหรับสนามแข่งมีที่ไหนกันบ้างลองไปดูกันเลยครับ
Cha-am ATV Park
Cha-am ATV Park มีเนื้อที่ทั้งหมดกว่า 40 ไร่ มีกิจกรรมสนุก ๆ คือ “ขับรถ ATV” และนอกจากนั้นยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกเช่น “เพนท์บอล” ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวแบบครอบครัว เพื่อนฝูง กลุ่มบริษัท สถาบันต่าง ๆ Cha-am ATV Park จะมีกิจกรรมอื่นๆ มาเสริมเพิ่มเติมอีกเร็ว ๆ นี้(แอบโฆษณาให้เค้าด้วย)

อ้างอิงมาจาก http://sunshin.wordpress.com/2009/08/31/atv-%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%AC%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C/

กีฬา SKATEBOARD

ประวัติกีฬา สเก็ตบอร์ดกัน [ SKATEBOARD ]



Sk8 ย่อมากจาก Skate ครับ แล้วเลข 8 ตามท้ายคือ เป็นคำแสลงที่ออกเสียงรวมกับ เอสกับเค ตามคำอ่านอังกฤษ 8 ออกเสียง เอจทแล้วเอามาออกเสียงรวมกันเป็น skate ซึ่งวัยรุ่นต่างประเทศนิยมใช่เขียนกัน
 ___________________________________________________________
  เริ่มจากแถบ Califonia นักเล่น Suft ได้ลองใช้ถนนที่เป็นลอน แทนคลื่นในทะเลในยามไม่มีคลื่น
ตั้งแต่
1950 กีฬาชนิดนี้เป็นกีฬาแท้ๆที่นิยมกันมากของชาวอเมริกา แต่ก็ได้รับการเมินเฉยเมื่ออินไลน์สเก็ตและ BMX เป็นที่นิยม แต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น การไถไปมาเป็นหลักของการเล่น ช่วงปลาย1950ดนตรีและภาพยนตร์เกี่ยวกับSkateboardเป็นตัวปลุกกระแสการออกแบบเครื่องเล่นให้เหมือนSurfboard และมีการผลิตเพื่อการค้าครั้งแรกโดยโรลเลอร์ เดอร์บี้ จำหน่ายตามห้าง
สรรพสินค้าในปี 1959
ปี 1960 นิตยาสารเกี่ยวกับการเล่นสเก็ตฉบับแรกปรากฏขึ้น รวมทั้งมีการผลิตสเก็ตบอร์ดกันขนานใหญ่(แต่ในหนังสือ Skateboarding , Space and the city บอกว่าหนังสือเล่มแรกเกิดช่วง1981?)

ปี1963 ผู้ผลิตสเก็ตบอร์ดมากาฮาได้จัดตั้งทีมสเก็ตบอร์ดเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของตน ปัจจุบันนี้ทีมดังกล่าวกำลังเดินทางโดยได้รับความอุปถัมภ์จากผู้ผลิตเพื่อดำเนินการด้านอุตสาหกรรมการตลาด การแข่งขันสเก็ตบอร์ดอย่างเป็นทางการครั้งแรกได้รับความอุปถัมภ์จากมากาฮาในแคลิฟอร์เนียปี1973ได้มีการใช้วงล้อยูรีเทนในการกีฬา ซึ่งทำให้มีความปลอดภัยและคล่องตัวกว่า
สเก็ตบอร์ดมีขนาดกว้างมากขึ้น จาก ระยะ 16 ซม.เป็นกว่า23 ซม.เพื่อให้ความมั่นคงที่ดีกว่า ในการเล่น
 Vert
การเล่นสเก็ตบอร์ดสมัยใหม่เกิดขึ้นโดยมีการเล่นแบบต่างๆต่างๆเช่น Slalom,ดาวน์ฮิลล์,ฟรีสไตล์ ก้าวต่อไป วัฒนธรรมการเล่นสเก็ตบอร์ดเริ่มรวมตัวเข้ากับพวกพั้งค์ และดนตรีแบบใหม่ อาร์ตเวิร์คและกราฟิกเริ่มมีบทบาทมากในวัฒนธรรมการเล่นสเก็ตบอร์ดการเสื่อมความนิยม
ใกล้ๆปลายปี1970 ลานสเก็ตบางแห่งก็หายไปเพราะธุรกิจตกต่ำ การเล่นสเก็ตบอร์ดก็เริ่มตกต่ำอีกเป็นครั้งที่สองจนการเล่นสเก็ตบอร์ดก็หายจากวงการ การขี่จักรยานBMX เข้ามาเป็นที่นิยมและนักสเก็ตส่วนมากก็หยุดเล่นสเก็ตลานสเก็ตก็สูญหายไปแต่มีการสร้างฮาฟว์ไปป์ และแรมป์ยังคงพัฒนาต่อไปอย่างเงียบๆด้วยนักขี่จักรยานBMX
แต่การเสื่อมความนิยมก็เป็นไปได้ไม่นาน
ในปี 1980 ก็มีการฟื้นฟูการเล่นสเก็ตบอร์ดโดยใช้แรมป์ที่เป็นไม้อัด และการเล่ นตามท้องถนนจึงก่อให้เกิดความพยายามในการเล่นด้วยตนเอง นักสเก็ตเริ่มที่จะสร้างแรมป์สำหรับสเก็ตที่ทำด้วยไม้เอง และเล่นในลานโล่? บริษัทที่เป็นของนักสเก็ตเริ่มสร้างอุปกรณ์ต่างๆให้มีมาตรฐานกว่าเดิม เพื่อใช้เล่นท่าให้ได้ดีขึ้น ในยุคนี้จะมีดาวเด่นประจำกลุ่ม ซึ่งบางคนก็ยังเล่นสเก็ตจนถึงทุกวันนี้ รวมทั้งโทนี่ ฮอว์คและสตีฟ แคบเบลเลอโร มีการจัดการแข่งขันโดย The National Skateboarding Association การเล่นสเก็ตบอร์ด ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อวัฒนธรรมระหว่างประเทศเริ่มจากดนตรีของพวกพั้งค์ นักสเก็ตส่วนใหญ่ชอบที่จะสวมใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ๆสีทึมๆและย้อนยุคไปใส่รองเท้าเทนนิสที่นักสเก็ตสวมใส่ในอดีตSkateboard แบบ New School กำเนิดขึ้นโดยเน้นไปที่การเล่นท่าพื้นฐาน ออลลี่ และเน้นเล่นท่าTrick ต่างๆการเล่นสเก็ตบอร์ดก็พบกับการคุกคามใหม่นั่นคือการเล่นโรลเลอร์เบรดเด็กหันมาให้ความสนใจกีฬาที่มีล้อและเล่นแนบเท้าทั้งสองแทนเสก็ตใน1995 ESPNได้บรรจุกีฬาประเภทนี้ในงานแข่ง Extreme Games(ปัจจุบันคือ X Games)Skateboard เป็นหนึ่งในกีฬาหลักที่ต้องจัดในงานX Gamesประจำปีทุกครั้ง
ปัจจุบัน มีอุตสาหกรรมเกี่ยวกับกีฬา
 Skateboard มากมายเช่น นิตยาสาร สำนักงานออกแบบสนาม ภาพยนต์ที่เกี่ยวกับเสก็ต เป็นต้นขนาดของอุปกรณ์ต่างๆก็มีขนาดเพิ่ม-ลดต่างออกไป ส่วนโทนี่ ฮอว์คก็ยังคงเป็น Super Star ในวงการเสก็ตเสมอมาจนถึงปัจจุบัน...
โดย// Monkiezz UD.



อ้างอิงมาจาก http://board.postjung.com/493160.html

กีฬา BMX Street

bmx street


รูปแบบบีเอ็มเป็นคำพ้องสำหรับการขี่จักรยาน BMX ​​ผาดโผนสาขากีฬาที่มาจากฟากฟ้ากีฬาผาดโผน มันประกอบด้วย ถนนสวนเขียวเส้นทางและ flatland.Freestyle bmx ขณะนี้ได้รับนำไปที่ระดับใหม่ครั้งแรกในโลกเป็นเรื่องธรรมดามากและผู้ขับขี่มีความคืบหน้าเป็นอย่างดี




ผู้ขับขี่เช่นเดฟ Mirra และแมตต์ฮอฟแมนเป็นนักกีฬามีชื่อวันนี้เรามีผู้ขับขี่หลายบีเอ็มเช่นลุคมิวทู (แบล็คพูล), แฮร์รี่ที่หน้าหลัก (ลิเวอร์พูล) และแอนดี้ Buckworth (USA) เหล่านี้เป็นมืออาชีพและมีการดำเนินการกีฬาในระดับใหม่




อ้างอิงมาจาก http://teshwin57.blogspot.com/p/bmx-street.html